วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2557

หลงรักโลงจำปา..เอาตากลมมาแลกก็ไม่ยอม

หลงรักโลงจำปา..เอาตากลมมาแลกก็ไม่ยอม



เรื่องนี้ถือเป็นการประเดิมเขียน Blog เรื่องแรกของผมเลยล่ะ

ถ้างั้นขอพูดถึงสิ่งที่ผมรักที่สุด รองจากครอบครัว นั้นก็คือเจ้าโลงจำปาคันนี้ล่ะครับ
แต่อย่าเพิ่งแปลกใจว่าผมจะหลงรักโลงศพจีนไปได้ยังไง  ถ้าในแวดวงคนรักรถยนต์ เขาจะทราบกันดีว่าโลงจำปานี้เป็นชื่อเล่นของรถเยอรมันพันธุ์อึดรุ่นหนึ่ง  นั่นคือเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี คลาส (Mercedes-Benz E-Class) รุ่น W124 หรือที่คนไทยเรียกว่ารุ่น E-Class นั่นเอง  เจ้าโลงจำปานี้เป็นรุ่นเจเนอร์เรชั่นที่ 2 ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจนผู้ใช้ในประเทศไทยต่างพากันซูฮก ถัดมาจาก เบนซ์ รุ่น W123 หรือที่มีชื่อเล่นว่ารุ่นตาหวาน หรือหน้ายิ้ม แล้วแต่คนจะเรียก สำหรับเจ้าโลงจำปาที่ผมจะมาเล่าความประทับใจให้ฟังในครั้งนี้ผมขอเรียกเป็นรหัสประจำตัวของเค้าสั้นๆ ว่า 124 แล้วกันนะครับ (พิมพ์ง่าย สะดวกดี) และคงไม่ผิดอะไรเพราะ 124 ก็มาจาก W124 นั่นเอง

"...โฉมนี้ ไม่ใช่รถแฝดของ W123 โฉมนี้จัดเป็นโฉมแรกที่ใช้ชื่อ E-Class อย่างเป็นทางการ ด้วยเพราะในโฉมนี้ เครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์ได้เลือนหายไป คงเหลือไว้แต่แบบหัวฉีด ซึ่งภาษาเยอรมันคำว่าหัวฉีด ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร E เบนซ์จึงนำมาใช้ในรุ่นนี้โดยให้นิยามใหม่ว่า Elegance ซึ่งแปลว่า ความสง่า งาม โก้เก๋ สละสลวย งดงาม สะโอดสะอง  ในประเทศไทย W124 เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในชื่อ "โฉมโลงจำปา" ซึ่งมาจากลักษณะของกระโปรงหลังของตัวรถ เมื่อดูโดยรวมแล้ว ท้ายรถ W124 จะคล้ายโลงศพชาวจีน ซึ่งทำด้วยไม้จำปา เมื่อถูกตั้งชื่อในประเทศไทยว่าโฉมโลงจำปา มีชาวจีนจำนวนหนึ่งได้ซื้อรถรุ่นนี้ ด้วยเหตุผลทางความเชื่อส่วนบุคคล ในเรื่องการแก้เคล็ด (ได้ซื้อและอยู่ใน "โลงศพ" ปลอมไปแล้ว ดังนั้นระยะเวลาที่จะอยู่ใน "โลงศพ" จริง จะถูกเลื่อนออกไป เป็นการต่ออายุทางหนึ่ง)  W124 นับเป็นโฉมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเช่นกัน เพราะจากการสำรวจใน พ.ศ. 2552 เป็นเวลา 14 ปีหลังเลิกผลิต ยังสามารถพบ W124 ได้ในจำนวนมากบนท้องถนนทุกหนทุกแห่ง เพราะ W124 คือรถที่ถูกสร้างมาให้วิ่งได้ตลอดไปเหมือนเบนซ์รุ่นก่อนๆอย่าง W123 นั่นเอง..."  แหล่งที่มา วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ผมชอบถ้อยคำเหล่านี้
"ลองนับดูสิครับว่า W123 อายุ 30 ปีบนท้องถนนในไทยยังมีวิ่งอยู่ตั้งกี่คัน 124 คือรถที่ถูกสร้างมาเพื่อวิ่งตลอดไป แบบเดียวกันนั่นแหละครับ"

มีคนเคยบอกอีกครับ ว่า   "ถ้าเป็น W124 แล้วล่ะก็ คุณกำลังได้ขับตำนานหน้าหนึ่งของเบนซ์ในยุคที่ต้นทุนยังไม่สำคัญเท่า การ "โชว์พาว"เรื่องคุณภาพ " 

ผมไม่รู้ว่าใครกล่าวไว้นะครับ แต่ท่านลอง Search หาใน Google ดูได้จะเจอข้อมูลเหล่านี้อีกเพียบ

อันที่จริงในบ้านเราก็มีคนเขียนบทความเกี่ยวกับเจ้าเบนซ์ 124 อยู่เยอะเหมือนกันนะ ผมยังชอบอ่านบทความของคุณ JIMMY และของคุณ JFK ที่บรรยายถึงเจ้า 124 นี้ซะอ่านแล้วเคลิ้มไปเลย คราวนี้ตาผมบ้าง

เจ้า 124 เข้ามาในเมืองไทยถ้าจำไม่ผิดน่าจะตั้งแต่ปี 1987 หรือ 88 นี้ล่ะ จนถึงปี 1996 รุ่นถัดไปก็คือเจ้า ตากลม W210 นั่นเอง

ในสมัยนั้นผมยังเป็นเด็กมัธยมต้นอยู่เลย ตอนมาใหม่ๆ ผมนึกในใจว่า เอ๊ะรถอะไรเนี้ย บั้นท้ายทำไมมันใหญ่บ่ะละฮึ่มกว่าชาวบ้านบนท้องถนนขนาดนี้ ยิ่งได้ยินคนตั้งฉายาว่า โลงจำปา ยิ่งทำให้ผมจินตนาการตามได้ไม่ยาก


เจ้า 124 ตอนแรกๆ เข้ามาหน้าตานอกจากจะดูบึกบึนหน้าเกรงขาม มันยังมีเครื่องยนต์ที่ไฮเทคที่สุดในสมัยนั้น นั่นคือ เจ้า K-Jet บ้านเราเห็นจะมีอยู่ 2 รุ่นซีดานหลักๆ ก็คือ 230E กับ 300E ไม่นับเจ้าตัว CE ถัดจากนั้นมาสักพัก เจ้า 124 ก็เริ่มตกแต่งหน้าตาให้สวยงามขึ้นอีก ด้วยการเปลี่ยนกาบข้างให้หนาขึ่น เปลี่ยนภายในและอุปกรณ์อื่นๆ ให้ดูทันโฉบเฉียว ไม่น้อยหน้าเจ้า BMW E34 ซีรี่ย์ 5 คู่ปรับเลยทีเดียว รุ่นเจเนอร์เรชั่นสุดท้ายของ 124 ก็เห็นจะเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ (Face Lift)  ในรหัส 124 Code C ที่เป็นรุ่นสุดท้ายก่อนที่เบนซ์ตากลมจะจากไปทิ้งไว้แต่ตำนานและความทรงจำอันดีของชนรุ่นหลังๆ จวบจนปัจจุบัน  ปัจจุบัน W124 ถูกจัดอยู่ในประเภท Modern Classic Car ไปเรียบร้อยแล้ว บ้านไหนยังมี 124 อยู่ขอให้เก็บรักษาให้ดีๆ นะครับ

คู่ปรับของ 124 ในบ้านเราในขณะนั้นก็เห็นจะเป็น BMW Series 5 E34 และ  VOLVO 960 ที่พอสมน้ำสมเนื้อ

ตอนผมเป็นเด็กมักจะได้ยินพวกผู้ใหญ่ชอบพูดว่า ให้ตั้งใจเรียนนะ โตขึ้นมาจะได้รวยๆ มีเบนซ์ขี่  ผมนึกใจว่าต้องรวยเท่านั้นหรอ  ตอนนี้รู้แล้ว ไม่จำเป็นขอแค่ใจรักและความพยายามก็พอ

ผมมีโอกาสได้สัมผัสกับเจ้า 124 แบบใกล้ชิดเป็นครั้งแรก ก็ตอนที่ผมไปฝึกงานที่เยอรมัน และได้มีโอกาสนั่งรถของเพื่อนพ่อที่เป็นฝรั่งชาวเยอรมัน รถคันนั้นก็คือ 124 รุ่น Code A สีทอง เบาะผ้ากำมะหยี่สีดำ กระจกมือหมุน ล้อกระทะมีฝาครอบ เท่าที่จำความได้ และสังเกตุได้ในตอนนั้น  ก็ประมาณ 20 ปีที่แล้ว ผมประทับใจเจ้า 124 ตั้งแต่แรกเห็นและได้เข้าไปนั่งภายใน การออกแบบของวิศวกรเบนซ์ในสมัยนั้นมันน่าทึ่งจริงๆ ถ้าใครได้ศึกษาความเป็นมาจะทราบว่าเจ้า 124 รุ่นนี้ล่ะ เป็นเบนซ์รุ่นที่วิศวกรเบนซ์ภูมิใจในการสร้างสรรค์มาก โดยเน้นคุณภาพการผลิตมากกว่าต้นทุนที่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
แต่เบนซ์ต้องการให้รถรุ่นนี้เป็นรุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับคนในโลกได้จดจำ ดังนั้นถ้าเราเห็น เจ้า 124 วิ่งอยู่บนท้องถนนในเมืองไทย ก็อย่าสงสัยเลยว่ามันจะใช้ได้อีกนานแค่ไหน คำตอบก็คือ ก็ลองดูเจ้าเบนซ์ 123 ที่อายุกว่า 30 ปีดูสิ ยังวิ่งฉิว ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นบางคัน คงไม่เห็นเป็นสภาพแบบนี้แน่ๆ

คันนี้แหล่ะ เป็นแรงบันดาลใจของผม


ผมขอบ่นในความรู้สึกสวนตัวของผมนิดหนึ่งนะว่า เบนซ์รุ่นใหม่ๆ มันไม่ค่อยอึดค่อยทนเหมือนรุ่นเก่าๆเท่าทีควรนะ อะไหล่หลายตัวบอบบางเกินไป เสียทีซ่อมยาก ต้องยกเปลี่ยนๆ ราคาก็ไม่ใช่ย่อย ยิ่งรุ่นใหม่ๆ เจอระบบไฟฟ้า ระบบคอมพิวเตอร์เข้าไปมากๆ ช่างต่างจังหวัดเกาหัวเลย  เจ้าของได้กินข้าวแกงลิงกลางทางแน่ ถ้าเกิดเสียตามต่างจังหวัด  ที่พูดมานี่ไม่ใช่ว่าจะชมเจ้า 124 ว่าดีเลิศทุกอย่างนะครับ จุดด้อยของเค้าก็มี อย่างเช่น ระบบพวงมาลัยแบบตัวหนอน ซึ่งอาจจะไม่คล่องแคล่วเหมือนคู่แข่ง หรือรถรุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นแบบแร็คแอนด์พิเนียร์  แต่บางคนก็ชอบพวงมาลัยแบบ 124 นี้นะครับ มันหนักแน่นมั่นคงดี  แต่มันจะเลื้อยไม่ฉับไวเท่านั้นเอง  ไฟหน้าปัด ของ 124 ยังไม่แพราพราวเท่าคู่แข่งนะ แต่คอนโซลของเขาสิ ออกแบบมาได้คลาสสิคจริงๆ มันเหลี่ยนสัน ตัดกับขอบลำโพงและลายไม้ได้อย่างลงตัวจริง ๆ  ช่วงล่างของ 124 ยังสู้เจ้าตากลมรุ่นใหม่ไม่ได้ หลายคนก็เคยบอกไว้ แต่ผมว่ามันหนักแน่นดีเวลาวิ่งไกลๆ ถ้าวิ่งในเมืองรถติดๆ นี่อาจจะอุ้ยอ้ายไปสักหน่อย ไม่ปรู๊ดป๊านเท่าวีออส หรือแจ๊ส เป็นแน่แท้

เหลี่ยมสันภายในนี่แหล่ะเอกลักษณ์และเสน่ห์ของมัน


บอดี้เจ้า 124 นี่จะเป็นทรงเหลี่ยม สามารถนำมาใส่ชุดแต่งได้มาก สำหรับผมต้อง ชุดแต่ง AMG เท่านั้น ลืมบอกไป คันเก่าหน้านี้ของผมก็ใช้ 124 เหมือนกัน แต่เป็น E280  สีเทานกพิราบ ใส่ล้อ Brabus ขอบ 18 นิ้ว ซึ่งได้ขายไปแล้ว เพื่อแลกกับรุ่นเดียวกันแต่เป็น AMG เครื่องยนต์ที่ใหญ่ สดกว่า และสีที่ชอบ นั่นคือสีเงิน หรือที่เรียกว่า Silver Arrow ถ้าใครนึกไม่ออกให้นึกถึงตำนานรถแข่งของเบนซ์ในสมัยก่อน รถแข่งเบนซ์ทุกคันจะใช้สีเงินแบบนี้ทั้งนั้น ก็เรียกว่าเป็นสีเอกลักษณ์ของเบนซ์ไปเลยก็ว่าได้

ย้อนกลับไปที่ 124 ของเพื่อนชาวเยอรมันคันนั้นอีกสักหน่อย อยากจะบอกว่ารถคันนั้นเป็นแรงบันดาลใจของผมเลยเชียวล่ะ มันคือ inspiration เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เชื่อหรือไม่ว่าผมกลับไปเยอรมันรอบล่าสุด รถ 124 ของเพื่อนผมยังอยู่และวิ่งได้ฉิวเหมือนเดิม ผมถึงขนาดแซวเขาเล่นว่า อย่าขายนะ เราเก็บไว้ด้วยกัน ผมเก็บคุณเก็บ แล้วมาดูว่ามันจะอยู่กับเราได้นานแค่ไหน  ผมเคยอธิฐานตอนเด็กว่า โตขึ้นขอให้ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของเบนซ์รุ่นนี้ด้วยเถอะ ขอแค่ 230E ก็พอ  พอโตขึ้นมาคำอธิฐานก็เป็นจริง แต่มันไม่ใช่ 230E หรอกนะ มันเป็น E320 แทนต่างหาก อิอิ  ไหนๆก็ไหนๆ มาชมเจ้า W124 AMG Silver Arrow ของผมนะครับ

ชุดแต่งแอรโร่พาร์ท AMG

ล้อเป็น AMG รุ่น ST2 ขอบ 18 นิ้ว Offset 35




แผงลายไม้วอลนัท

ภายของผมคันนี้เน้นสีโทนดำ เข้ม ขรึม

ภายในนี้เป็นไฮไลท์ของรถรุ่นนี้เลย เพราะนอกจากความโอ่อ่าของเบาะแล้ว  ดีไซท์เบาะหนังที่มีรูระบายความร้อนยังเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของมัน  เบาะหนังแท้จากโรงงานมีให้เลือกหลายสี เช่น สีเทา สีครีม สีเบจ สีน้ำเงินเข้ม สีแดงเข้ม และสีดำเป็นต้น ส่วนเบาะผ้ากำมะหยี่นั้น ส่วนใหญ่มักจะเป็นของตัวนอกเสียมากกว่า

การทรงตัวในขณะที่ใช้ความเร็วสูงถือว่าทำได้ดีมากทีเดียว ขนาดวิ่งบนออโต้บาห์นที่ 180 กิโลเมตร/ชม. ถ้าไม่เหลือบดูเข็มไมล์บนแผงหน้าปัทม์ ยังนึกว่ารถวิ่งแค่ 100 เดียวเท่านั้น จะมารู้ตัวก็ตอนเสียงลมที่ลอดเข้ามาตามขอบประตูเท่านั้นล่ะ ที่ส่งสัญญานบอกเราว่า รถวิ่งเร็วมากแล้วนะ

มีเหตุการณ์ที่น่าประทับใจกับเจ้า 124 ในเรื่องการยึดเกาะถนน เหตุการณ์แรก ตอนที่ผมนั่งรถของเพื่อนชาวเยอรมัน ในขณะที่เราวิ่งไปตามเส้นทางชนบทโล่งๆ แล้วอยู่ๆ ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งถอยหลังออกมาจากข้างทางอย่างรวดเร็ว เพื่อนผมหักหลบกระทันหันแล้วดึงรถกลับเข้าทางหลัก ปรากฏว่าว่าทุกคนในรถร้องกรี๊ดกันระงมเหมือนเด็กทารก รถหมุนคว่ำแน่ แต่ปรากฏว่า 124 นิ่งมาก รถเฉย ไม่มีเป๋ รถกลับมาวิ่งตามเลนได้อย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ความเร็วน่าจะ 70 - 80 กิโลเมตร/ชม.   อีกเหตุการณ์หนึ่งก็ตอนที่ขึ้นเขา ในขณะที่หิมะและฝนตกหนัก ถนนลื่นมาก แต่เจ้า 124 สามารถฝ่าหิมะขึ้นเขาแบบสบายๆ ทั้งที่ไม่มีระบบควบคุมการทรงตัว หรือการลื่นไถลใดใดเลย ไม่น่าเชื่อว่ารถอายุ 20 ปีจะทำได้ดีขนาดนี้ 

W124 ของเพื่อนชาวเยอรมันในขณะที่พาผมขึ้นเขาตอนหิมะตกหนัก สบายมาก

บางคนถามว่าเบนซ์อะไหล่แพงไหม ผมตอบได้เลยครับว่าแพง แต่ไม่ใช่รุ่น 124 นี้ เพราะ 124 อะไหล่ถูกแสนถูกเสียยิ่งกว่าแคมรี่ วีออสเสียอีก อะไหล่ 124 มีทั้งของใหม่ และของมือสองเชียงกง สนราคาก็อยู่ในหลักร้อยถึงพันบาท ขึ้นอยู่กับว่าเป็นอะไร จะเอาของแท้หรือเทียบ (OEM) มีให้หมด ฉะนั้นอะไหล่124 หาไม่ยากเลย แต่ต้องรู้แหล่งนะ บางคนได้ 124 มาก็เอาไปเปลี่ยนเป็นเครื่อง 1J หรือ 2J หรือ 1UZ Toyota บ้าง  วิ่งปรู๊ดป้าน บางคนก็นำไปติดแกส วิ่งยิ้มสบายกระเป๋าเลย แต่ผมนิยมออริจินัล ต้องเครื่องเบนซ์เท่านั้น โชคดีคันนี้เป็นเครื่องสดจากนอก วิ่ง 4 หมื่นเท่านั้นเอง!!! สดซะยิ่งกว่า สด จิตรลดา (นักมวย) เสียอีก  ผมว่าถ้าใครเล่นรถรุ่นนี้อยู่ก็ขอให้ดูแลรักษามันให้ดีๆแล้วกัน มันจะอยู่กับเราไปได้อีกนานถึงรุ่นลูกเลยทีเดียว  ช่วงล่างของ 124 นี้เรียกว่าโครตอึด มหาทนเลยทีเดียวถ้าใครได้ถูกคลิป Youtube ที่เขาทดสอบรถเบนซ์ 124 VAN จะต้องอึ้งกิมกี่ มันเป็นรถที่ไม่มีวันตายขนาดเอาไปจมน้ำ เอา Big foot มาเหยียบ มันยังวิ่งได้

คลิปวิดีโอจาก YouTube.com ในการทดสอบความอึดของ เบนซ์ W124 VAN

เรื่องความปลอดภัย ในยุคนั้นถือว่าโครงสร้าง 124 นี่ สุดยอด ตัวถังแข็งแรงมาก ถ้าลองจับดูจะรู้ว่าเหล็กหนา ขึ้นไปนั่งบนฝากระโปรงได้สบายๆ จากการทดสอบการชนที่ความเร็วไม่เกิน 56 กิโลเมตร/ชม. ในลักษณะเต็มหน้า (Frontal-impact tests) หรือแม้แต่ชนเพียวเสี้ยวเดียว (Offset tests)  เจ้า 124 ก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง เพราะมันได้คะแนนในระดับท็อปๆ เลยทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับรถรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสมัยใหม่เช่น ม่านนริภัย หรือระบบเซฟตี้เซนเซอร์ต่างๆ เป็นต้น 124 ก็ยังเป็นรองเรื่องเทคโนโลยีตัวนี้


มีฝรั่งเพื่อนผมเคยบอกผมว่า รู้ไหมรถเบนซ์นะเขาเริ่มนับอายุจริงก็ตอนที่มันใช้งานมาแล้ว 30 ปีแล้วนะ นั่นแหล่ะคือเริ่มจะเรียกคำว่าเก่า

มีเพื่อนคนไทยถามผมว่าทำไมไม่ซื้อรถญี่ปุ่นใหม่ๆ ละ พวกแคมรี่ แอคคอร์ท ผมตอบเขาไปว่า ฟิลลิ่ง และความรู้สึกมันต่างกัน เพื่อนผมก้ยังถามผมอีก มันต่างกันไง แอคคอร์ท ป้ายแดงนะๆ ผมตอบไปว่า ลองขับไปธนาคารกันไหม แล้วคอยดูว่ายามจะเรียกคันไหนให้จอดในที่พิเศษก่อนกัน เรื่องนี้พิสูจน์มาแล้วหลายหน อิอิ

แต่เชื่อไหม กว่าจะได้ครอบครองเจ้า 124 ต้องผ่านอุปสรรคสำคัญก็คือ ที่บ้านผมไง คุณพ่อท่านไม่ค่อยอยากให้เล่นรถยุโรป ยิ่งเบนซ์ ยิ่งไม่อยากให้เล่น เพราะกลัวเรื่องอะไหล่ เรื่องการซ่อมบำรุง กว่าผมจะอธิบายโน้มน้าวสำเร็จก็ตั้งนาน  และเจ้า 124 ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ภายในกว้างขวาง โออ่า ช่วงล่างนุ่มนวล ยึดเกาะถนนมั่นคง ให้ความรู้สึกปลอดภัย ตอนนี้มันเป็นรถที่วิ่งดีที่สุดในบ้าน ดีกว่ารถใหม่ป้ายแดงเสียอีก

สำหรับเรื่องราวของเจ้า 124 ถ้าให้เล่าคงเล่าได้เป็นวันๆ แน่เอาไว้มีประเด็นแล้วจะหาโอกาสมาเขียนอีกนะครับ แต่ก็ต้องขออภัยด้วยถ้าผมเขียนอะไรผิดไป เพราะทุกสิ่งเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่สัมผัสโดยตรงทั้งนั้น อาจจะไม่ถูกใจ หรือไม่ถูกต้องในบางจุดก็ต้องขออภัย และก็ขออภัยท่านที่ใช้รุ่นใหม่ๆ หรือรถยี่ห้ออื่นด้วยนะครับ

แต่สุดท้ายผมมักจะบอกกับตัวเองไว้เสมอว่า ผมรักเจ้าโลงจำปา ...เอาเบนซ์ตากลมมาแลกก็ไม่ยอม ยกเว้นเบนซ์ตาเหลี่ยม ก็ไม่แน่ อิอิ


สวัสดีครับ
AUTONAT




หมายเหตุ:
  • เรื่องที่เขียนเป็นสิ่งที่ผู้เขียนรู้สึก และสัมผัสด้วยตนเอง หากมีสิ่งหนึ่งประการใดไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสมต้องขออภัย
ข้อมูลเพิ่มเติม From Wikipedia, the free encyclopedia
Overview
ManufacturerMercedes-Benz (Daimler-Benz)
Production1985–1996
Assembly
DesignerBruno Sacco (1981, 1982)[4][5]
Body and chassis
ClassMid-size luxury car / Executive car
Body style4-door sedan
5-door station wagon
2-door coupe
2-door convertible
LayoutFront enginerear-wheel drive / four-wheel drive
Powertrain
Engine
Petrol
I4
2.0 L M102
2.0 L M111
2.2 L M111
2.3 L M102
I6
2.6 L M103
2.8 L M104
3.0 L M103
3.0 L M104
3.2 L M104
3.4 L M104
3.6 L M104
V8
4.2 L M119
5.0 L M119
Diesel
I4
2.0 L OM601
I5
2.5 L OM602
2.5 L OM605
I6
3.0 L OM603
3.0 L OM606
TransmissionAutomatic
4-speed
5-speed
Manual
4-speed
5-speed
Dimensions
WheelbaseSedan & Wagon: 110.2 in (2,799 mm)
Coupé: 106.9 in (2,715 mm)
LengthWagon: 188.2 in (4,780 mm)
Sedan: 187.2 in (4,755 mm)
Coupé: 183.9 in (4,671 mm)
Width68.5 in (1,740 mm)
E500 Sedan: 70.7 in (1,796 mm)
HeightWagon: 59.8 in (1,519 mm)
Sedan: 56.3 in (1,430 mm)
Coupé: 55.5 in (1,410 mm)
Convertible: 54.8 in (1,392 mm)
E500 Sedan: 55.4 in (1,407 mm)
Curb weight3927 lb (500E)
3826 lb (400E)
Chronology
PredecessorMercedes-Benz W123
SuccessorMercedes-Benz W210 (sedan & estate)
Mercedes-Benz W208 (coupé & convertible)



5 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากๆครับ สำหรับข้อมูลและประสบการณ์ดีๆเกี่ยวกับเจ้า 124

    ตอบลบ
  2. ตอนประถมอยู่กับรถญี่ปุ่น
    พอมัธยม อยู่กับรถยุโรป w124 volvo940 bmw e39
    ผมเริ่มจะไม่มองรถญี่ปุ่นล่ะ5555😆
    เริ่มลังเลเเล้วcamry acv30 หรือ w124ดี 555
    W124สีดำนะ ใส่ชุดแต่งamgโครตสวย ดุด้วย

    ตอบลบ
  3. ตอนประถมอยู่กับรถญี่ปุ่น
    พอมัธยม อยู่กับรถยุโรป w124 volvo940 bmw e39
    ผมเริ่มจะไม่มองรถญี่ปุ่นล่ะ5555😆
    เริ่มลังเลเเล้วcamry acv30 หรือ w124ดี 555
    W124สีดำนะ ใส่ชุดแต่งamgโครตสวยแม็กBarbusสวยดุเลยทีเดียว😎🤔😘

    ตอบลบ